หลายเดือนที่ผ่านมา รู้สึกว่าชีวิตค่อนช่างยุ่งไปกับเรื่องงาน การเดินทาง และอะไรๆก็ดูจะวุ่นวายไปเสียหมด จนลืมไปว่าเรามี blog อยู่นี่หว่า 555 ช่วงนี้ว่างสบายจิตใจปลอดโปร่ง เลยเข้ามาปัดหยากไย่กันเสียหน่อย เดี๋ยวเขาจะพาลปิด blog เราไป ข้อหา inactive blogger.
อืม ... วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องเงินๆทองๆกันเสียหน่อย แต่จะไม่คุยกันในเชิงลึก เอากัน soft soft สบายๆ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวแรงก่อนนะครับว่า ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากห้องสินธรในพันทิพ หรือจบเอก finance มานะครับ ที่มาคุยให้ฟังนี่เอามาจากประสพการณ์ตรงนะจ๊ะ ok ? เข้าเรื่องละกัน คุณเคยสงสัยหรือถามตัวเองกันบ้างไหมว่า ทุกวันนี้เราทำงานกันไปทำไม ??? เพื่ออะไร ??? ถามคนส่วนใหญ่ก็จะได้คำตอบในทำนองคล้ายๆกันว่า เก็บเงินไว้เพื่อลูกบ้าง ซื้อบ้านบ้าง เพื่ออนาคตบ้าง แล้วผมก็ถามกลับไปอีกว่า แล้วได้กำหนดระยะเวลาไหม จำกัดความหมายของคำว่า "อนาคต" ให้ฟังหน่อยสิครับ ส่วนใหญ่ก็จะทำท่าครุ่นคิด แล้วก็ตอบว่า "เก็บไปเรื่อยๆ ไม่ซีเรียส เดี๋ยวมันก็ถึงจนได้แหละน่า" บ้างก็ว่า "คงอีกซัก 2- 3 ปีแหละ" คือคำตอบที่ได้มันกว้างเกินไป มันเห็นเป้าหมายลางๆ แต่ทางข้างหน้ามันเบลอๆชอบกล คือคำตอบเหล่านี้ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหรอกครับ ฟังดูออกจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงมันแฝงไปด้วยความประมาท และขาดวินัยทางการเงิน แล้วถ้ามีคนย้อนถาม "ประมาทยังไง เก็บตังค์เพื่ออนาคตยามฉุกเฉินยังจะเรียกว่า ประมาทอีกหรือ ?" อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด คือไอ้ดีน่ะ มันดีครับ ผมมิบังอาจเถียง แต่มันยังมีวิธีที่ดีกว่า การที่คุณสักแต่ว่าทำงาน รอวันเงินออก แล้วเอาเงินนั้นไปใช้บ้าง พับจรวดเล่นบ้าง พอเหลือก็เก็บ แล้วไอ้ส่วนที่เก็บเนี่ย ก็บอกว่าเพื่ออนาคตที่มันจับต้องไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะบรรลุเป้าหมายเสียที แต่ข่าวดีคือ แค่การที่คุณวางแผนจะเก็บเงิน ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ตาม ผมก็ถือว่าสุดยอดแล้วล่ะ แต่ถ้ายังไม่เริ่ม ไม่มีคำว่าสายหรอกครับ ถ้าจะเริ่มเสียแต่วันนี้
Okay ผมขอแนะนำวิธีเก็บเงินแบบง่ายๆ และการกำหนดเป้าหมาย (goal setting ) ในแบบฉบับของผมไว้ให้พิจารณา เผื่อมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณไม่มากก็น้อย แล้วผมจะทำให้คุณเห็นว่า การตั้งเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สั้นหรือยาว เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือ การกำหนดวิธีการและระยะเวลาที่จะทำให้เราบรรลุในเป้าหมายนั้นๆ เพราะมันจะเป็นตัวชี้วัดและคอยประเมินว่า เรามาถูกทางหรือไม่ อีกนานไหมกว่าเราจะถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้
ขั้นตอนแรก: หยิบกระดาษขึ้นมา 1 แผ่นและ อย่าลืมปากกาล่ะ
ขั้นตอนที่สอง: เขียนเป้าหมายที่คุณอยากได้ลงไป ย้ำ ! เอาที่มันไม่ไกลเกินเอื้อมนะ be realistic !!!
ขั้นตอนที่สาม: เขียนขั้นตอนและวิธีการอย่างละเอียด ว่าจะต้องทำอย่างไร และที่สำคัญต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ในการพิชิตเป้าหมายอันนี้
ขั้นตอนที่สี่: หมั่นประเมินผล จะทุก 2 อาทิตย์ หรือ ทุกเดือนก็ว่าไปตามสะดวก แต่ผมว่ายิ่งบ่อยยิ่งดี เพราะมันทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับมัน
ขั้นตอนที่ห้า: มีวินัยต่อตัวเอง อันนี้สำคัญที่สุด อย่าคิดผลัดวันประกันพุ่งเป็นอันขาด วิธีการมาอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น ไม่อย่างนั้นจะมีเป้าหมายและวิธีการอันสวยหรูทำมะเขืออะไรครับ ???
เห็นไหมครับ วิธีง่ายๆแค่นี้ก็ทำให้คุณเห็นภาพเป้าหมายของคุณได้ชัดเจนและจับต้องได้ไปเกือบจะ 50% แล้ว และคุณก็สามารถนำวิธีนี้มาใช้ในการ set goal ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เรื่องนี้เดี๋ยวผมขอยกไว้เขียน blog หน้าละกัน ผมจะยกตัวอย่างจริงของการ set goal ระยะสั้นของผม ที่ทำไว้ต้นปีที่แล้ว ให้ท่านเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เป้าหมาย: เก็บเงินไปเที่ยวเกาหลี, ฮ่องกงและมาเก๊า 3 อาทิตย์ เป็นเงิน $5000
ระยะเวลา: 12 เดือน
ขั้นตอนและวิธีการ:
คิดง่ายๆว่าจะเก็บเงิน $5000 ในเวลา 12 เดือน ก็ถัวเฉลี่ยตกเดือนละ $417 ได้เงินมาในแต่ละเดือน แบ่งเงินออกเป็น 6 กอง (เรื่องเงิน 6 กองนี้ จะมาเล่าให้ฟังใน blog หน้า) พอกันเงิน $417 ออกมาปุ๊บ ก็โอนเข้าไปในบัญชีที่ถอนออกไม่ได้ ที่ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยสูงหน่อย หรืออาจจะเก็บเงินไว้ในรูปแบบของกองทุนรวมก็ได้ พอครบกำหนดปั๊บ คุณก็จะได้ทั้งต้นและดอก ตามแต่ความชอบของคุณละกัน ส่วนผมเลือกที่จะเก็บไว้ที่บัญชี saving ธรรมดาที่ธนาคารกำหนดให้ถอนได้เพียงเดือนละครั้ง ดอกเบี้ยก็โอเคเลย แต่ในความเป็นจริง ผมแทบไม่เคยที่จะแตะเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเงินในส่วนที่เราไม่ได้มาพะวงอะไร คือหักจากเงินทุกกองแล้ว ถึงมาลงที่ไอ้เจ้านี่
วิธีง่ายๆคือ เชื่อมบัญชีเงินเดือนเข้ากันกับบัญชีเงินเก็บนี้ คุณอาจจะตั้งชื่อให้มันก็ได้ สนุกดี :) ผมเรียกมันว่า "กองทุนความฝัน" :) พอเงินเดือนเข้าปุ๊บ ระบบก็จะโอนเงิน $417 จากบัญชีเงินเดือนเข้าสู่อีกบัญชีโดยอัตโนมัติ เรามีหน้าที่แค่มาคอย check ทุกเดือน ว่าเราเก็บได้เท่าไรแล้ว ดอกเบี้ยเท่าไร เผลอแป๊บเดียว ครบ 1 ปีแล้ว เห็นไหมครับ ว่าการตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง และมีแบบแผนอย่างเป็นรูปธรรม มันเป็นเรื่องดี มันทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสบายขึ้น และมีระเบียบมากขึ้น
ในเรื่องการเก็บเงินและตั้งเป้าหมายนี้ ซึ่งผมยอมรับว่าแรกๆ อาจจะยากหน่อยเพราะธรรมชาติมนุษย์ มันอยากได้แบบทันด่วน แต่เชื่อผมเถอะ อะไรที่มันได้มายากๆ มันดีทั้งนั้นแหละ หลวงพ่อแดงวัดบางหัวเสือที่ผมบวชท่านสอนผมไว้ และคุณก็จะรู้สึกภูมิใจมากด้วย ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่เป้าหมายลุล่วงหรอก แค่ระหว่างทางที่คุณได้เห็นเมล็ดพันธุ์ที่คุณปลูกไว้ เริ่มที่จะโตทีละเล็กทีละน้อย ผลิดอกออกผล ช้าๆแต่มาแน่ อะไรทำนองเนี้ย มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะคุณ
ซึ่งเรื่องที่ผมเล่ามานี้ เข้าใจว่าทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว และหลายท่านคงมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามจริตและความถนัดของแต่ละบุคคล แต่ที่เล่ามานี่คือวิธีการของผม ผมใช้รูปแบบการวางแผนง่ายๆนี้ เกือบจะทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน ไม่ว่ารายจ่ายในบ้านต่างๆ เงินเพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ การท่องเที่ยว การลงทุน หรือแม้แต่การเกษียญอายุ เพราะมันทำให้เราเห็นชีวิตเป็น step และจะได้คอยเตรียมพร้อมอยู่เสมอ หากสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุด เราจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ซึ่งทำให้เรามีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
ก่อนจากกันวันนี้ ขอจบด้วยประโยคสุด classic ที่หัวหน้าที่ผมเคารพรัก Mr Romain Delabre สมัยทำงานในช่วงเรียนมหาลัยว่า
" You gotta plan your work, and then try to work your plan". "คุณต้องวางแผนในการทำงาน และพยายามทำแผนนั้นให้สำเร็จ"
ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์สละเวลาเข้ามาอ่าน
บุญรักษาครับ
TDMS
![]() |
Busan, South Korea |
![]() |
Avenue of Stars, Hong Kong |
![]() |
Senado Square - Macao |
No comments:
Post a Comment